สมณสาส์นเนื่องในวันสมโภชปัสกา จาก พระสังฆนายกเซอร์กีย์ พระสังฆนายกแห่งสิงคโปร์และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

สมณสาส์นเนื่องในวันสมโภชปัสกา

จาก พระสังฆนายกเซอร์กีย์ พระสังฆนายกแห่งสิงคโปร์และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ถึง บรรดาพระสังฆมนตรี ศาสนบริกร และบรรดาฝูงแกะที่พระเจ้าทรงรัก ที่ได้อยู่ในเขตศาสนปกครองแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ถึง บรรดาสมณะสงฆ์ที่น่านับถือ บาทหลวง และสังฆานุกรที่เป็นที่เคารพ และบรรดาพี่น้องชายหญิงผู้เป็นที่รักยิ่ง

พระคริสทรงกลับคืนชีพแล้ว!

พี่น้องที่รัก พ่อขอแสดงความยินดีต่อลูกๆ ทุกคนด้วยใจจริง เนื่องในวันสมโภชปัสกา ที่ยิ่งใหญ่ และเต็มเปี่ยมไปด้วยแสงสว่าง!

ในวันนี้เราได้รับประสบการณ์ด้านจิตวิญญาณจากเหตุการณ์ที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เหตุการณ์นี้ไม่เพียงแต่มีความสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์โลกเท่านั้น แต่ยังมีความสำคัญต่อชีวิตของพวกเราทุกๆคน เพราะว่าพระบุตรหนึ่งเดียวของพระเจ้าได้ทรงมารับสภาพเป็นมนุษย์ พระองค์ทรงเข้ามาร่วมรับแบกรับภาระของโลกนี้ร่วมกับเรา ทรงได้เทศนาสั่งสอนเราถึงความจริงแห่งสวรรค์ ทรงรับความทุกข์ทรมาน และทรงสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน

เป็นเวลานับพันปีตั้งแต่มนุษย์คู่แรกที่ได้รับการทรงสร้างโดยพระผู้สร้าง มนุษย์คู่แรกนั้นได้ตกสู่ความบาป เป็นเหตุให้มนุษย์ได้ถูกแยกจากพระผู้สร้างของตน และไม่มีมนุษย์คนไหนที่จะสามารถเอาชนะความบาปอันชั่วร้ายได้ เพราะเหตุนั้นพระเจ้าจึงได้เสด็จลงมายังโลก และพระองค์ได้ทรงถวายพระองค์เองเป็นเครื่องบูชาเพื่อประทานความรอดแก่มนุษย์ทั้งหลาย

เมื่อบรรดาสตรีผู้ถือเครื่องหอม และบรรดาสานุศิษย์ของพระผู้ช่วยให้รอดได้มาถึงอุโมงค์ฟังพระศพ ขององค์พระผู้เป็นเจ้า พวกเขาต่างหาพระวรกายของเจ้านายอันเป็นที่รักยิ่งของพวกเขาไม่เจอ พวกเขาต่างรู้สึกสูญเสียและสับสน พวกเขาไม่อาจหาญที่จะเชื่อถึงความจริงในเรื่องการอัศจรรย์ที่ได้เกิดขึ้นในเวลานั้น เพราะสิ่งที่ได้เกิดขึ้นนั้นเป็นสิ่งที่น่าเหลือเชื่อสำหรับพวกเขา แต่ในไม่ช้าความมืดมนแห่งความสงสัยก็ได้รับการกระทำให้กระจ่าง และความทุกข์ใจก็แปรเปลี่ยนกลายเป็นความชื่นชมยินดีและการขอบพระคุณพระเจ้า

“ พระองค์มิได้ประทับอยู่ที่นี่ เพราะทรงกลับคืนพระชนม์ชีพแล้วตามที่พระองค์ได้ตรัสไว้”(มัธทิว.28:6)

ณ ที่ซึ่งปณิธานและความหวังของพวกเขานั้นได้ถูกฝังไว้ในยามนั้น ได้ผลิผลของความอบอุ่นและความศรัทธาอันแท้จริงได้ก่อกำเนิดขึ้นมา และความงดงามแห่งการเสียสละ และรวมไปถึงความลำลึกที่ยิ่งใหญ่ ความรักของพระเจ้าที่ไม่สามารถจะประเมินค่าได้ ได้เปิดเผยออกต่อคนเหล่านั้น ความตายคือศัตรูตัวฉกาจของมนุษย์ และไม่มีมนุษย์คนใดที่จะสามารถเอาชนะได้ แต่บัดนี้ความตายได้ปราชัยแล้ว แม้สิ่งนี้ก็ไม่สามารถมีชัยชนะเหนือพระผู้สร้างผู้เป็นจุดกำเนิดของชีวิตทั้งปวงได้

ความเชื่อของเรานี่แหละเป็นชัยชนะที่ชนะโลก สิ่งนี้คือความเชื่อของเรา (1ยอห์น 5:4)

ท่านนักบุญยอห์นอัครสาวกได้ยืนยันกับเราในเรื่องนี้

ถ้อยคำที่แปลกใหม่จากพระคัมภีร์นี้มีความหมายว่าอย่างไร?

คำเหล่านี้หมายถึงพลังอำนาจของพระวรสารที่อยู่เหนือความเข้าใจในทุกสิ่ง พลังอำนาจนี้มีอยู่ในถ้อยคำสองคำที่เราใช้ทักทายในวันสมโภชปัสกา

สิ่งที่เป็นใจความสำคัญหลักในเรื่องความเชื่อของพวกเรา เป็นรากฐานของความหวังแท้ที่มั่นคง และเป็นแหล่งแห่งความรักที่ไม่มีวันสิ้นสุด โดยการกลับคืนพระชนมชีพอันรุ่งโรจน์ของพระคริสต์ พระองค์ได้ทรงเปิดประตูแห่งชีวิตนิรันดรแก่พวกเราทุกคน และได้ประทานอิสรภาพทางจิตวิญญาณที่แท้จริงแก่เรา นั่นก็คืออิสรภาพที่ทำให้เราจะได้ชื่อว่าเป็นบุตรของพระเจ้า (1ยอห์น 3:1)

ทุกๆคนนั้นมีค่ายิ่งในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้า เพื่อเป็นการยืนยันสิ่งนี้ องค์พระผู้ไถ่จึงได้เสด็จเข้ามายังโลก และได้เปลี่ยนแปลงโลกโดยพันธกิจแห่งความรักและความเมตตาของพระองค์ พระองค์ทรงรักษาคนเจ็บป่วย ทรงชูใจผู้ที่ต้องทนทุกข์ ทรงยื่นะพระหัตถ์ของพระองค์ไปช่วยเหลือผู้ที่ล้มลงและผิดพลาด

ดังนั้นเราทั้งหลายที่ปรารถนาจะเป็นของพระคริสต์แล้ว เราจำเป็นจะต้องกระทำพันธกิจของพระองค์ เลียนแบบพระองค์ในการเสียสละรับใช้เพื่อพี่น้องของเรา เพราะ ความเชื่อ นั้นจะบริบูรณ์ด้วยการประพฤติ(ยากอบ 2:22) องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงความทุกข์ทรมานของมนุษย์ พระองค์ได้ทรงสถิตอยู่กับผู้ที่ต้องทุกข์ใจเสมอ และเราทุกคนต่างถูกเรียกมาเพื่อที่จะได้เห็นพระคริสต์เจ้าผู้สถิตอยู่ในพี่น้องทุกๆคน ให้เรารักษาที่จะกระทำตามบทบัญญัติขององค์พระผู้ช่วยให้รอดของเรา (มัธทิว 25:40)

ผู้ใดก็ตามที่มีชีวิตอยู่ในพระจิตเจ้าผู้ทรงศักดิ์สิทธิ์ ผลในฝ่ายของพระจิตก็จะเกิดขึ้นในตัวของผู้นั้น ผลนั้นคือ ความรัก ความปลาบปลื้มใจ สันติสุข ความอดกลั้นใจ ความปรานี ความดี ความสัตย์ซื่อ ความสุภาพอ่อนน้อม การรู้จักบังคับตน(กาลาเทีย 5:22:23)

ภาพที่เราได้เห็นชัดเจนของชีวิตแห่งการประกาศข่าวประเสริฐ เราได้เห็นผ่านชีวิตของผู้บำเพ็ญพรตที่ยิ่งใหญ่ในศตวรรษที่ผ่านมา คือ ท่านนักบุญยอห์น ผู้กระทำการอัศจรรย์ ผู้ดำรงตำแหน่งเป็นอัครสังฆมนตรีแห่งเซี่ยงไฮ้และซานฟรานซิสโก ท่านได้มีหัวใจที่เปิดกว้างและกล้าหาญ ท่านได้เดินทางไปหาผู้ที่เจ็บป่วยและผู้ที่ขัดสนที่ต้องการความช่วยเหลือ ท่านได้สวดภาวนาเพื่อบรรดาผู้ที่ทุกข์ยาก และท่านได้ปลอบโยนผู้ที่เศร้าโศก ข้าพเจ้าขอให้แบบอย่างการดำเนินชีวิตและการฝ่าฟันของท่านจะเป็นประโยชน์อันล้ำค่าสำหรับพวกเรา

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลายากลำบากที่เรากำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ ในเมื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าประสงค์จะเสด็จไปหาชนชาติต่างๆที่เผชิญกับโรคร้าย ชีวิตของทางพระศาสนาจักรเองจึงต้องพร้อม และเต็มเปี่ยมไปด้วยความรับผิดชอบในการมีส่วนร่วมกับศีลมหาสนิทที่เราได้รับจากองค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา เป็นสิ่งสำคัญยิ่งสำหรับเราที่เป็นคริสตชน เมื่อเราได้รับเอาพระกายและพระโลหิตอันศักดิ์สิทธิ์ขององค์พระผู้ช่วยให้รอด หมายความว่าเราได้เปิดรับให้พระองค์เสด็จมาประทับสถิตย์อยู่ในเรา และโดยพระองค์ความอ่อนแอของเราได้กลายมาเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ ที่จะสามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้ แต่เราจำเป็นต้องยอมให้พระคริสต์เจ้าได้ทรงกระทำพระราชกิจของพระองค์ผ่านชีวิตของเรา

“สิ่งที่สัมผัสกับเปลวไฟ ไม่ว่าจะเป็นขี้เถ้าหรือโลหะ ก็จะต้องมีผลตามมา ขึ้นอยู่กับว่าเปลวไฟนั้นสัมผัสกับอะไร ชีวิตของมนุษย์ก็เช่นเดียวกัน ถ้าหากชีวิตของเราต้องถูกเปลวไฟอันศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้าแผดเผา จากชีวิตที่มีความเชื่อดังเหล็กก็จะถูกแปรเปลี่ยนให้กลายไปเป็นเหล็กกล้าที่แข็งแกร่ง พระเจ้าทรงเปลี่ยนแปลงความอ่อนแอของเราได้”

(นักบุญยอห์น อัครสัฆมนตรีแห่งเซี่ยงไฮ้ กล่าวว่า: พระเจ้าทรงเป็นเปลวไฟที่เผาผลาญ)

โดยอาศัยคำภาวนาของท่านนักบุญยอห์น ผู้กระทำการอัศจรรย์ อัครสัฆมนตรีแห่งเซี่ยงไฮ้ ขอให้ความเชื่อซึ่งแสดงออกเป็นกิจการที่ทำด้วยความรักนั้น(กาลาเทีย 5:6) ให้ได้รับการทำให้เข้มแข็งเป็นดังเหล็กกล้า ท่านทั้งหลายก็เหมือนกับตะเกียง จงส่องสว่างแก่คนทั้งปวง เพื่อว่าเมื่อเขาได้เห็นความดีที่ท่านทำ เขาจะได้สรรเสริญพระบิดาของท่านผู้ทรงอยู่ในสวรรค์ (มัธทิว 5:16)

ไม่ใช่ในทุกสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นจะสามารถเป็นพยานถึงการกลับคืนพระชนมชีพขององค์พระผู้ช่วยให้รอดได้อย่างเปิดเผย แต่เราผู้เป็นคริสเตียนจำต้องสำแดงความเชื่อออกมาเป็นการกระทำ ขวนขวายและกระตือรือร้นที่จะเป็นประจักษ์พยานถึงการกลับคืนพระชนมชีพของพระคริสต์ ต้องเต็มล้นไปด้วยความชื่นชมยินดีในพระเจ้าและเต็มเปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณแห่งความรักเพื่อนบ้าน แล้วเราจึงจะสัมผัสได้กับการสรรเสริญที่แท้จริงในความอัศจรรย์ของวันปัสกา

พระคริสต์ทรงกลับขึ้นชีพแล้วอย่างแท้จริง!

พระสังฆนายกแห่งสิงคโปร์​และ​เอเชีย​อาคเนย์

เขตศาสนปกครองแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

เนื่องในวันสมโภชปัสกาแห่งพระคริสตเจ้า

ปีที่ 2020

Добавить комментарий

Ваш e-mail не будет опубликован. Обязательные поля помечены *